จักจั่นมักจะส่งเสียงร้องเพลงอย่างไพเราะตลอดเวลา
ลาจึงถามจักจั่นว่า
“เพื่อนเอ๋ย เจ้ากินอะไรหรือ จึงมีเสียงที่ไพเราะนัก”
จักจั่นยิ้มเเล้วตอบว่า “อ๋อ อาหารของข้าก็คือน้ำค้างไงล่ะ”
ลาจึงเข้าใจว่าเพราะจักจั่นกินเเต่น้ำค้างอย่างเดียวจึงได้มีเสียงไพเราะ
เจ้าลามันจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า…
ถ้ามันกินน้ำค้างบ้าง ก็คงจะร้องเพลงได้ไพเราะอย่างจักจั่น
ตั้งเเต่วันนั้นลาก็กินเเต่น้ำค้าง ไม่กินหญ้าที่เป็นอาหารของตน
ไม่ช้าไม่นานนัก ลาก็ตายไปเพราะความหิวโหย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้อื่น อาจเป็นสิ่งที่เเย่ที่สุดสำหรับเรา”