กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..........ที่ทุ่งหญ้าอันเขียวขจี เจ้าลาตัวหนึ่งกำลังเล็มกินหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย มันได้รู้สึกว่าได้ตกเป็นเป้าหมายของหมาป่าตัวหนึ่งคอยดักจับอยู่ มันก็เลยแกล้งทำเป็นขาพิการ เดินกะเผลกๆ เมื่อหมาป่าถาม เจ้าลาก็ตอบว่ามันเพิ่งเดินไปเหยียบหนามอันแหลมคมเข้า ปักเท้าของมันอยู่
“ระหว่างทางที่มาทุ่งหญ้า ข้าเดินไปเหยียบหนามอะไรก็ไม่รู้แน่ะ ท่านหมาป่า”
“เดินยังไงเหยียบหนามเข้าล่ะ ซุ่มซ่ามจริงๆ” เจ้าหมาป่ากล่าว
“นั่นสิท่าน และหากท่านจะกินข้าซะตอนนี้ ข้าเกรงว่าหนามอาจจะเข้าไปติดคอท่านก็ได้ ท่านจึงต้องดึงหนามออกก่อน” เจ้าลาใช้สติปัญญาในการเอาตัวรอด
“ไหนล่ะ” หมาป่าตอบตกลงทันที…แล้วมันก็ยกขาของลาขึ้น
แต่…ในขณะที่หมาป่ามันกำลังตั้งใจหาหนามอยู่นั้น
ลาก็เตะหน้าหมาป่าด้วยขาหลังทั้งสองอย่างแรง และออกวิ่งหนีไปโดยเร็ว
หมาป่างุนงงด้วยแรงเตะพลางพูดว่า
“สมน้ำหน้าตัวข้าเอง ที่มัวแต่พยายามทำตัวเป็นหมอรักษา ที่พ่อข้าเองก็ไม่ได้สอน สอนแต่การฆ่าสัตว์เท่านั้น”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ทุกคนมีความชำนาญเป็นของตน”
“การใช้สติปัญญา สามารถเอาตัวรอดได้แม้ยามคับขัน”